ดนตรีคลาสสิก (อังกฤษ: Classical music)
เป็นรูปแบบหนึ่งของดนตรี
ซึ่งมักจะหมายถึงดนตรีที่เป็นศิลปะของตะวันตก
การแสดงดนตรีคลาสสิกจะใช้เครื่องดนตรี 4 กลุ่ม กลุ่มแรก คือ เครื่องสาย (String) แบ่งออกเป็น ไวโอลิน วิโอลา เชลโล และดับเบิลเบส กลุ่มที่สอง คือ เครื่องลมไม้(Woodwind)
เช่น ฟลูต คลาริเน็ต โอโบ บาสซูน ปิคโคโล กลุ่มที่สาม คือ เครื่องลมทองเหลือง (Brass) เช่น ทรัมเป็ต ทรอมโบน ทูบา เฟรนช์ฮอร์น กลุ่มที่สี่ คือ เครื่องกระทบ(Percussion)
เช่น กลองทิมปานี ฉาบ กลองใหญ่ (Bass Drum) กิ๋ง (Triangle) เมื่อเล่นรวมกันเป็นวงเรียกว่าวงดุริยางค์หรือ ออร์เคสตรา (Orchestra) ซึ่งมีผู้อำนวยเพลง(conductor)
เป็นผู้ควบคุมวง
ประวัติและเวลา
ดนตรีคลาสสิกแบ่งออกเป็นยุค
ดังนี้
ดนตรีคลาสสิกยุโรปยุคกลาง หรือ ดนตรียุคกลาง ถือว่าเป็นจุดกำเนิดของดนตรีคลาสสิก
เริ่มต้นเมื่อประมาณปี พ.ศ. 1019 (ค.ศ. 476) ซึ่งเป็นปีล่มสลายของจักรวรรดิโรมัน ดนตรีในยุคนี้มีจุดประสงค์หลักเพื่อประกอบพิธีกรรมทางศาสนา
คาดกันว่ามีต้นกำเนิดมาจากดนตรีในยุคกรีกโบราณ รูปแบบเพลงในยุคนี้เน้นที่การร้อง
โดยเฉพาะเพลงสวด (Chant) ในตอนปลายของยุคกลางเริ่มมีการร้องเพลงแบบสอดทำนองประสานด้วย
เริ่มเมื่อประมาณปี พ.ศ. 1943
(ค.ศ. 1400) เมื่อเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงศิลปะและฟื้นฟูศิลปะโบราณยุคโรมันและกรีก
แต่ดนตรียังคงเน้นหนักไปทางศาสนา เพียงแต่เริ่มมีการใช้เครื่องดนตรีที่หลากหลายขึ้น
ลักษณะของดนตรีในสมัยนี้ยังคงมีรูปแบบคล้ายยุคกลางในสมัยศิลป์ใหม่
เพลงร้องยังคงนิยมกัน แต่เพลงบรรเลงเริ่มมีบทบาทมากขึ้น
ดูเพิ่มที่ ยุคเรเนสซองส์
ยุคนี้เริ่มขึ้นเมื่อมีการกำเนิดอุปรากรในประเทศฝรั่งเศสเมื่อปี พ.ศ. 2143
(ค.ศ. 1600) และสิ้นสุดลงเมื่อ โยฮันน์ เซบาสเทียน บาค เสียชีวิตลงในปี พ.ศ. 2293 (ค.ศ. 1750) แต่บางครั้งก็นับกันว่าสิ้นสุดลงในปี พ.ศ. 2273 (ค.ศ. 1730) เริ่มมีการเล่นดนตรีเพื่อการฟังมากขึ้นในหมู่ชนชั้นสูง นิยมการเล่นเครื่องดนตรีประเภทออร์แกนมากขึ้น
แต่ก็ยังคงเน้นหนักไปทางศาสนา นักดนตรีที่มีชื่อเสียงในยุคนี้ เช่น บาค วีวัลดี เป็นต้น
ดูเพิ่มที่ ศิลปะบาโรค
เป็นยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงมากที่สุด มีกฎเกณฑ์ แบบแผน
รูปแบบและหลักในการเล่นดนตรีอย่างชัดเจน ศูนย์กลางของดนตรียุคนี้คือประเทศออสเตรีย โดยเฉพาะที่กรุงเวียนนา และเมืองมานไฮม์ (Mannheim)
เครื่องดนตรีมีวิวัฒนาการมาจนสมบูรณ์ที่สุด
เริ่มมีการผสมวงที่แน่นอน คือ วงเชมเบอร์มิวสิกและวงออร์เคสตรา ซึ่งในยุคนี้มีการใช้เครื่องดนตรีครบทุกประเภท
และยังถือเป็นแบบแผนของวงออร์เคสตราในปัจจุบัน นักดนตรีที่มีชื่อเสียงในยุคนี้
เช่น โมซาร์ท เป็นต้น
เป็นยุคที่มีเริ่มมีการแทรกของอารมณ์ในเพลง มีการเปลี่ยนอารมณ์
การใช้ความดังความค่อยที่ชัดเจน ทำนอง จังหวะ ลีลาที่เน้นไปยังอารมณ์ความรู้สึก
ซึ่งต่างจากยุคก่อน ๆ ที่ยังไม่มีการใส่อารมณ์ในทำนอง
นักดนตรีที่มีชื่อเสียงในยุคนี้ เช่นเบทโฮเฟิน ชูเบิร์ต โชแปง วากเนอร์ บราห์มส์ ไชคอฟสกี้ เป็นต้น
พัฒนารูปแบบโดยนักดนตรีฝรั่งเศส มีเดอบูว์ซีเป็นผู้นำ
ลักษณะดนตรีของยุคนี้เต็มไปด้วยจินตนาการ อารมณ์ที่เพ้อฝัน ประทับใจ
ต่างไปจากดนตรีสมัยโรแมนติกที่ก่อให้เกิดความสะเทือนอารมณ์
นักดนตรีเริ่มแสวงหาดนตรีที่ไม่ขึ้นกับแนวทางในยุคก่อน
จังหวะในแต่ละห้องเริ่มแปลกไปกว่าเดิม ไม่มีโน้ตสำคัญเกิดขึ้น (Atonal) ระยะห่างระหว่างเสียงเริ่มลดน้อยลง
ไร้ท่วงทำนอง แต่นักดนตรีบางกลุ่มก็หันไปยึดดนตรีแนวเดิม เรียกว่านีโอคลาสสิก (Neo-Classic)
นักดนตรีที่มีชื่อเสียงในยุคนี้ เช่นอิกอร์ สตราวินสกี้ เป็นต้น
แบ่งตามประเภทวงที่บรรเลง และประเภทของการแสดง
·
วงดูโอ การผสมวงดนตรีร่วมกัน
2 คน เช่น เปียโนกับไวโอลิน หรือเปียโนกับนักร้อง
·
วงทริโอ การผสมวงดนตรีร่วมกัน
3 คน เช่น ไวโอลิน 1, วิโอลา 1,
เชลโล่ 1
·
วงควอร์เต็ต การผสมวงดนตรีร่วมกัน 4 คน
·
วงควินเต็ต การผสมวงดนตรีร่วมกัน 5 คน เช่น สตริงควินเต็ต (Strings
Quintet) วงจะประกอบด้วยเครื่องสาย 5 ชิ้น
ไวโอลิน 2, วิโอลา 2, และเชลโล่ 1
·
วงเซ็กซ์เต็ต การผสมวงดนตรีร่วมกัน 6 คน
·
อุปรากร
·
บัลเลต์
·
ขับร้อง
แบ่งตามโครงสร้างบทเพลง (Form)
·
คอนแชร์โต - Concerto
·
ซิมโฟนี - [English: Symphony | French:
Symphonie | German: Sinfonia]
·
โซนาต้า - Sonata
·
ฟิวก์ - Fugue เป็นการประพันธ์เพลงที่ได้รับการพัฒนาอย่างมากแขนงหนึ่ง
นิยมในยุคบาโรค จะเริ่มต้นด้วยทำนองที่เรียกว่า Subject จากนั้นจะเปลี่ยนแปลงทำนอง
เรียกว่า Answer
·
พรีลูด - Prelude บทเพลงที่เป็นบทนำดนตรี
มักใช้คู่กับเพลงแบบฟิวก์ หรือใช้บรรเลงนำเพลงชุด
สำหรับงานเปียโนจะหมายถึงบทเพลงสั้น ๆ
และบางครั้งมีความหมายเหมือนกับบทเพลงโหมโรงอุปรากร เช่น พรีลูดของวากเนอร์
·
โอเวอร์เจอร์ -
Overture เพลงโหมโรงที่บรรเลงก่อนการแสดงอุปรากรหรือละคร
รวมถึงประพันธ์ขึ้นเดี่ยว ๆ สำหรับบรรเลงคอนเสิร์ตโดยเฉพาะ เรียกว่า Concert
Overture
·
บัลลาด - Ballade เป็นบทประพันธ์ที่ไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัว
พบมากในงานเปียโน ลักษณะเหมือนการเล่าเรื่องหรือถ่ายทอดความรู้สึกแบบบทกวี
·
เอทู๊ด - Etude เป็นบทประพันธ์เพื่อฝึกหัดการบรรเลงด้วยเปียโนหรือไวโอลิน
·
มาร์ช - March เป็นบทเพลงที่ประพันธ์เพื่อการเดินแถว
ต่อมาพัฒนาไปสู่บทเพลงที่ใช้บรรเลงคอนเสิร์ต
·
วาริเอชั่น -
Variations
·
แฟนตาเซีย หรือ ฟ็องเตซี - [Italian:
Fantasia | French: Fantasy]
·
น็อคเทิร์น - Nocturne/Notturno เป็นเพลงบรรเลงยามค่ำคืน มีทำนองเยือกเย็นอ่อนหวาน จอห์น ฟิลด์
ริเริ่มประพันธ์สำหรับเปียโน ซึ่งต่อมาโชแปงได้พัฒนาขึ้น
·
มินูเอ็ต - [French: Minuet |Italian:
Menuet]
·
เซเรเนด - Serenade เพลงขับร้องหรือบรรเลงที่มีทำนองเยือกเย็นอ่อนหวาน
มักเป็นบทเพลงที่ผู้ชายใช้เกี้ยวพาราสีผู้หญิง โดยยืนร้องใต้หน้าต่างในยามค่ำคืน
·
แคนนอน - Canon เป็นคีตลักษณ์ที่มีแบบแผนแน่นอน
มีการบรรเลง ทำนองและการขับร้องที่เหมือนกันทุกประการ แต่เริ่มบรรเลงไม่พร้อมกัน
เรียกอีกชื่อว่า Round
·
แคนแคน - Can-Can เป็นเพลงเต้นรำสไตล์ไนท์คลับของฝรั่งเศส
เกิดในช่วงศตวรรษที่ 19
·
คาปริซ - Caprice บทบรรเลงสำหรับเครื่องดนตรีที่มีลักษณะอิสระ
ไม่อยู่ในกฎเกณฑ์ มักมีชีวิตชีวา
·
โพลก้า - Polka เพลงเต้นรำแบบหนึ่ง
มีกำเนิดมาจากชนชาติโบฮีเมียน
·
ตารันเตลลา - Tarantella การเต้นรำแบบอิตาเลียน
มีจังหวะที่เร็ว
·
จิก -
Gigue เป็นเพลงเต้นรำของอิตาลี เกิดในศตวรรษที่ 18 มักอยู่ท้ายบทของเพลงประเภทสวีต (Suite)
·
กาวอท - Gavotte เป็นเพลงเต้นรำของฝรั่งเศส
ในศตวรรษที่ 17 มีรูปแบบแบบสองตอน (Two-parts) มักเป็นส่วนหนึ่งของเพลงประเภทสวีต (Suite)
·
โพโลเนส - Polonaise เป็นเพลงเต้นรำประจำชาติโปแลนด์
เกิดในราชสำนัก โชแปงเป็นผู้ประพันธ์เพลงลักษณะนี้สำหรับเปียโนไว้มาก
·
สวีต - Suite เพลงชุดที่นำบทเพลงที่มีจังหวะเต้นรำมาบรรเลงต่อกันหลาย
ๆ บท พบมากในอุปรากรและบัลเลต์
·
อาราเบส - Arabesque เป็นดนตรีที่มีลีลาแบบอาหรับ
·
ฮิวเมอเรสค์ -
Humoresque เป็นบทประพันธ์สั้น ๆ มีลีลาสนุกสนานร่าเริง มีชีวิตชีวา
·
ทอคคาต้า - Toccata บทเพลงสำหรับเครื่องดนตรีประเภทคีย์บอร์ด
มีทำนองที่รวดเร็ว อิสระ ในแบบฉบับของเคาน์เตอร์พอยท์
·
บากาเตล - Bagatelle เป็นคีตนิพนธ์ชิ้นเล็ก
ๆ สำหรับเปียโน มีจุดเด่นคือทำนองจำได้ง่าย เช่น Fur Elise
·
ดิแวร์ติเมนโต - Divertimento
·
บทเพลงทางศาสนา -
Sacred Music
·
โมเต็ต - Motet เพลงขับร้องในพิธีกรรมของศาสนาคริสต์
ใช้วงขับร้องประสานเสียงในการร้องหมู่
ภายหลังจึงเริ่มมีเครื่องดนตรีประกอบเสียงร้อง
·
แพสชั่น - Passion เพลงสวดที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับความทุกข์ยากของพระเยซู
·
ออราทอริโอ - Oratorio เพลงขับร้อง
บทร้องเป็นเรื่องขนาดยาวเกี่ยวกับศาสนาคริสต์ มีลักษณะคล้ายอุปรากร
แต่ไม่มีการแต่งกาย ไม่มีฉากและการแสดงประกอบ
·
คันตาตา - Cantata เพลงศาสนาสั้น
ๆ มีทั้งร้องในโบสถ์และตามบ้าน
·
แมส - Mass เพลงร้องประกอบในศาสนพิธีของศาสนาคริสต์
·
เรควีเอ็ม - Requiem เพลงสวดเกี่ยวกับความตาย
ขอบคุณข้อมูลจาก https://th.wikipedia.org
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น